Month: พฤศจิกายน 2020

เครื่องมือแห่งสันติภาพ

เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุขึ้นในปี 1914 เซอร์เอ็ดเวิร์ด เกรย์ รัฐบุรุษชาวอังกฤษประกาศว่า “แสงตะเกียงทั่วยุโรปกำลังจะดับลงและจะไม่ติดอีกในช่วงอายุขัยของเรา” เกรย์พูดถูก ในที่สุดเมื่อ “สงครามที่จะยุติทุกสงคราม” จบลง มีคนเสียชีวิต 20 ล้านคน (โดย 10 ล้านคนเป็นพลเรือน) บาดเจ็บอีก 21 ล้านคน

หายนะอาจเกิดกับชีวิตเราได้เช่นกันแม้จะไม่รุนแรงเท่า บ้าน ที่ทำงานคริสตจักร หรือเพื่อนบ้านของเราอาจถูกครอบงำด้วยวิญญาณแห่งความขัดแย้ง นี่คือเหตุผลหนึ่งที่พระเจ้าเรียกให้เราเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในโลก แต่การจะทำเช่นนั้นได้ เราต้องพึ่งพาพระปัญญาจากพระเจ้า ยากอบกล่าวว่า “แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข สุภาพและว่าง่าย เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลำเอียง ไม่หน้าซื่อใจคด ผู้สร้างสันติสุข หว่านอย่างสันติ จึงได้เกี่ยวความชอบธรรม” (ยก.3:17-18)

ผลของการหว่านสันติทำให้บทบาทของผู้สร้างสันติมีความสำคัญ คำว่าชอบธรรม หมายถึง “จุดยืนที่ถูกต้อง” หรือ “ความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง” ผู้สร้างสันติสามารถช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ จึงไม่แปลกที่พระเยซูตรัสว่า “บุคคลผู้ใดสร้างสันติ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาว่าเป็นบุตร” (มธ.5:9) บรรดาบุตรของพระเจ้าผู้พึ่งพาสติปัญญาของพระองค์จะกลายเป็นเครื่องมือแห่งการสร้างสันติในที่ซึ่งต้องการสันติภาพมากที่สุด

หลีกหนีจากความขัดแย้ง

ในการกล่าวคำสดุดีข้างหลุมศพของนักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ที่มีชื่อเสียง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ไม่ได้พูดถึงข้อขัดแย้งทางวิทยาศาสตร์ของพวกเขา แต่กลับระลึกถึง “ความเมตตาที่ไม่สิ้นสุด” ของเฮนดริค เอ.ลอเรนซ์ นักฟิสิกส์ผู้เป็นที่รักและรู้จักกันดีในความเป็นคนเรียบง่าย และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเป็นธรรม ไอน์สไตน์กล่าวว่า “ทุกคนยินดีติดตามเขาเพราะรู้สึกว่าลอเรนซ์ไม่ต้องการครอบงำแต่ต้องการจะช่วยเสมอ”

ลอเรนซ์เป็นแรงบันดาลใจให้นักวิทยาศาสตร์ทิ้งอคติทางการเมืองและมาทำงานร่วมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไอน์สไตน์พูดถึง เจ้าของรางวัลโนเบลรุ่นเดียวกับเขาว่า “ลอเรนซ์อุทิศตนให้กับพันธกิจแห่งการคืนดีตั้งแต่สงครามยังไม่สิ้นสุด”

การคืนดีควรเป็นเป้าหมายของทุกคนในคริสตจักรเช่นกัน จริงอยู่ที่ความขัดแย้งบางอย่างนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราต้องทำในส่วนของเราเพื่อแก้ปัญหาอย่างสันติ เปาโลกล่าวว่า “อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่” (อฟ.4:26) และ “อย่าให้คำหยาบคายออกมาจากปากท่านเลย แต่จงกล่าวคำที่ดีและเป็นประโยชน์ ให้เหมาะสมกับความต้องการเพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยินได้ฟัง” (ข้อ 29) เพื่อเราจะเติบโตไปด้วยกัน

เปาโลกล่าวว่า “จงให้ใจขมขื่น และใจขัดเคือง และใจโกรธ และการทะเลาะเถียงกัน และการพูดให้ร้ายกับการคิดปองร้ายทุกอย่างอยู่ห่างไกลจากท่านเถิด และท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกันและอภัยโทษให้กันเหมือนดังที่พระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ท่านในพระคริสต์นั้น” (ข้อ 31-32) การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งจะช่วยให้คริสตจักรเติบโตและถวายเกียรติแด่พระเจ้า

การกระทำที่กล้าหาญ

จอห์น ฮาร์เปอร์ ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นขณะที่เขาและลูกสาววัย 6 ขวบออกเดินทางไปกับเรือไททานิค แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้คือ เขารักพระเยซูและอยากให้ผู้อื่นได้รู้จักพระองค์ด้วย ทันทีที่เรือชนกับภูเขาน้ำแข็งและน้ำเริ่มทะลักเข้ามา ฮาร์เปอร์ ผู้เป็นพ่อม่ายรีบพาลูกสาวของเขาลงเรือชูชีพ แล้วหันกลับไปช่วยชีวิตผู้คนที่กำลังโกลาหลให้ได้มากที่สุด มีคนเล่าว่าเขาแจกเสื้อชูชีพพร้อมกับร้องตะโกนว่า “ให้ผู้หญิง เด็ก และผู้ที่ยังไม่ได้รับความรอดลงเรือชูชีพไปก่อน” ฮาร์เปอร์แบ่งปันเรื่องพระเยซูกับทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาจนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย เขาเต็มใจสละชีวิตตัวเองเพื่อให้ผู้อื่นรอดชีวิต

เมื่อสองพันปีที่แล้วมีผู้หนึ่งที่ยอมสละชีวิตของตน เพื่อคุณและฉันจะสามารถมีชีวิตอยู่ไม่เพียงแค่ในโลกนี้ แต่ชั่วนิรันดร์ พระเยซูไม่ได้จู่ๆก็ตื่นขึ้นมาและตัดสินใจว่าจะรับโทษประหารสำหรับความผิดบาปของมนุษยชาติ แต่นี่คือภารกิจสำคัญในชีวิตของพระองค์ ระหว่างที่สนทนากับผู้นำศาสนาของชาวยิว พระองค์ทรงย้ำหลายครั้งว่า “เราสละชีวิต” (ยน.10:11, 15, 17, 18) พระองค์ไม่เพียงแค่ตรัส แต่ยังทรงดำเนินชีวิตตามคำตรัสนั้นด้วยการสิ้นพระชนม์บนกาง-เขน พระองค์เสด็จมาเพื่อทั้งพวกฟาริสี จอห์น ฮาร์เปอร์และเรา “จะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์” (ข้อ 10)

ความมั่นใจแบบผิดๆ

หลายปีก่อน คุณหมอได้พูดถึงสุขภาพของฉันอย่างจริงจัง ฉันเอาคำพูดของหมอไปคิดและเริ่มไปเข้ายิมออกกำลังรวมถึงควบคุมอาหาร เวลาผ่านไปทั้งคอเลสเตอรอลและน้ำหนักของฉันก็ลดลง ฉันมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แต่แล้วก็เกิดสิ่งที่ไม่ดีคือฉันเริ่มสังเกตและตัดสินวิธีเลือกอาหารของคนอื่น เป็นเรื่องน่าขันที่เมื่อผลการตรวจของเราอยู่ในเกณฑ์ดี เราก็มักเอาผลคะแนนที่ได้มายกตัวเองและข่มคนอื่น ดูเหมือนเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยึดติดอยู่กับมาตรฐานที่ตนเองสร้างขึ้น เพื่อจัดการกับความรู้สึกผิดและพิสูจน์ว่าตนเองชอบธรรม

เปาโลเตือนชาวฟีลิปปีไม่ให้ทำเช่นนั้นเพราะมีบางคนเชื่อมั่นในการที่ตนเองปฏิบัติตัวตามธรรมเนียมหรือคำสอนของศาสนา และเปาโลกล่าวว่าท่านมีเหตุผลที่จะอวดในเรื่องนี้มากกว่าใคร “ถ้าผู้อื่นคิดว่าเขามีเหตุผลที่จะไว้ใจในเนื้อหนัง ข้าพเจ้าก็มีมากกว่าเขาเสียอีก” (3:4) แต่เปาโลตระหนักว่า ชาติกำเนิดและการประพฤติของท่านนั้น “ไร้ประโยชน์” เมื่อเทียบกับ “ความรู้ถึงพระเยซูคริสต์” (ข้อ 8) มีเพียงพระเยซูเท่านั้นที่รักเราอย่างที่เราเป็น ช่วยกู้เราและให้กำลังเราที่จะเปลี่ยนเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น โดยเราไม่ต้องใช้ความพยายามในการทำคะแนนใดๆ

การโอ้อวดเป็นสิ่งไม่ดี แต่ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือการโอ้อวดบนพื้นฐานของความมั่นใจแบบผิดๆ พระกิตติคุณเรียกให้เราหลีกหนีจากความมั่นใจที่ไม่ถูกต้องและเข้าส่วนกับพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงรักเราและประทานพระองค์เองเพื่อเรา

ถ้าเลือกได้...

ต้นสนอลาสก้าซีดาร์โอนเอนไปมาตามความแรงของพายุ เร็กกี้รักต้นไม้ที่ไม่เพียงแค่ให้ร่มเงา แต่มันยังให้ความสงบเป็นส่วนตัวกับครอบครัวของเธออีกด้วย ขณะนี้ลมพายุที่บ้าคลั่งกำลังถอนรากของมันขึ้นมาจากพื้นดิน เร็กกี้และลูกชายวัย 15 ปีรีบวิ่งเข้าไปพยายามป้องกันต้นสนไม่ให้โค่นลงมาด้วยมือเปล่าและด้วยน้ำหนักตัวเพียง 40 กว่ากิโลกรัมของเธอ แต่พวกเขาไม่แข็งแรงพอ

พระเจ้าทรงเป็นกำลังของกษัตริย์ดาวิด เมื่อทรงร้องเรียกหาพระเจ้าในท่ามกลางพายุอีกแบบหนึ่ง (สดด.28:8) นักวิเคราะห์บางคนบอกว่าดาวิดเขียนพระธรรมตอนนี้ในช่วงเวลาที่โลกของพระองค์กำลังแตกสลาย โอรสของพระองค์ก่อการกบฏและพยายามแย่งชิงบัลลังก์ (2 ซมอ.15) พระองค์รู้สึกเปราะบางและอ่อนแอจนเกรงว่าถ้าพระเจ้ายังทรงเงียบอยู่ พระองค์จะตาย (สดด.28:1) พระองค์ร้องทูลต่อพระเจ้าว่า “ขอทรงฟังเสียงวิงวอนของข้าพระองค์ ขณะเมื่อข้าพระองค์ร้องทูลขอความอุปถัมภ์จากพระองค์” (ข้อ 2) พระเจ้าทรงประทานกำลังให้ดาวิดเดินต่อไปแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับโอรสจะไม่ได้รับการแก้ไขก็ตาม

ถ้าเลือกได้ เราคงไม่อยากให้มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น! แต่ในความอ่อนแอของเรา พระเจ้าทรงสัญญาว่าเราสามารถเรียกหาพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระศิลาของเราได้เสมอ (ข้อ 1-2) เมื่อเราอ่อนกำลังพระองค์จะทรงเลี้ยงดูเราและจะหอบหิ้วอุ้มชูเราไปเป็นนิตย์ (ข้อ 8-9)

รองเท้าที่ยืมมา

ความวุ่นวายในการหนีเอาชีวิตรอดจากเหตุไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2018 ทำให้กาเบนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ต้องพลาดรายการคัดตัวนักกีฬาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งข้ามรัฐที่เขาอุตส่าห์ฝึกฝนมา การพลาดครั้งนี้หมายความว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้ลงแข่งในระดับรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดสี่ปีของการเป็นนักวิ่ง จากเหตุการณ์นี้คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ให้โอกาสกาเบอีกครั้ง โดยเขาจะต้องวิ่งคนเดียวบนลู่วิ่งของโรงเรียนมัธยมที่เป็นคู่แข่งภายในเวลาที่กำหนดด้วย “รองเท้าทั่วไป” เนื่องจากรองเท้าวิ่งของเขานั้นอยู่ใต้ซากปรักหักพังของบ้าน เมื่อเขามาถึง “การแข่งขัน” กาเบต้องประหลาดใจที่คู่แข่งของเขาเอารองเท้าวิ่งมาให้และวิ่งเคียงข้างไปกับเขาเพื่อช่วยเขารักษาความเร็วให้อยู่ในระดับที่สามารถผ่านเข้ารอบได้

คู่แข่งของกาเบไม่จำเป็นต้องช่วยเขาก็ได้ เพราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่พวกเขาจะคิดถึงตัวเองก่อน (กท.5:13) และนั่นอาจทำให้พวกเขามีโอกาสชนะมากขึ้นด้วย เปาโลเรียกร้องให้เราสำแดงผลของพระวิญญาณโดย “รับใช้กันและกันด้วยความรัก” รวมทั้งสำแดง “ความปรานี” และ “ความดี” (ข้อ 13, 22) เมื่อเราพึ่งพาองค์พระวิญญาณให้ช่วยเราที่จะไม่ทำตามสัญชาตญาณตามธรรม-ชาติของเรา เราก็จะสามารถรักคนรอบข้างได้มากขึ้น

ไม่มีอุปสรรคใดที่เป็นไปไม่ได้

ในฐานะผู้นำที่เป็นผู้ใหญ่ ฉันพานักเรียนไปออกภาคสนามที่ด่านเครื่องกีดขวาง เราสอนนักเรียนให้สวมอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยและให้ปีนกำแพงสูงแปดฟุต พวกที่ปีนขึ้นไปได้ก่อนให้กำลังใจผู้ปีนคนอื่นให้เชื่อมั่นในสายรัดตัวและปีนขึ้นไปโดยไม่มองลงข้างล่าง นักเรียนคนหนึ่งจ้องที่เครื่องกีดขวางขณะที่พวกเราใส่สายรัดที่เอวเธอและตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย “ฉันไม่มีทางทำได้” เธอพูด เรายืนยันกับเธอถึงความแข็งแรงของสายรัดตัว เราให้กำลังใจขณะที่เธอปีนและส่งเสียงยินดีเมื่อเธอขึ้นไปยืนที่แท่นบนกำแพง

เมื่อเราเผชิญปัญหาที่ดูเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะ ความกลัวและความรู้สึกไม่มั่นคงอาจทำให้เราสงสัย การรับรองถึงฤทธิ์อำนาจ ความดีงามและความสัตย์ซื่อที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้าช่วยสร้างสายรัดตัวที่แข็งแกร่งของความไว้วางใจ การรับรองที่หนักแน่นนี้เพิ่มความกล้าให้ผู้รับใช้ในพันธสัญญาเดิมพวกเขาสำแดงให้เห็นว่าความเชื่อสามารถเอาชนะความต้องการที่จะรู้ทุกรายละเอียดในแผนการของพระเจ้า (ฮบ.11:1-13, 39) เราแสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจังด้วยความเชื่อมั่น และมักจะต้องยืนเพียงลำพังเมื่อเราวางใจในพระองค์ เราสามารถปรับเปลี่ยนวิธีเผชิญความท้าทายโดยมองสถานการณ์ของเราจากมุมมองของนิรันดร์กาล คือรู้ว่าอุปสรรคของเรานั้นอยู่เพียงชั่วคราว (ข้อ 13-16)

การเพ่งมองแต่เส้นทางที่สูงชันในชีวิตอาจปิดกั้นเราไม่ให้เชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถนำเราผ่านพ้นมันไปได้ แต่หากเรารู้ว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเรา เราสามารถใช้ความเชื่อเป็นสายรัดควบคุมความไม่มั่นคงเหล่านั้น เมื่อเราไว้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงช่วยเราเอาชนะอุปสรรคที่ครั้งหนึ่งดูเหมือนเป็นไปไม่ได้

อยู่กลางไฟ

ไฟป่าในแอนดิลล่าประเทศสเปนเผาทำลายพื้นที่ป่าไม้ไปเกือบ 126,500 ไร่ แต่ในท่ามกลางความเสียหายนี้ ไซเปรสเกือบ 1,000 ต้นยังคงยืนต้นเขียวสด ความสามารถในการกักเก็บน้ำช่วยให้มันทนอยู่อย่างปลอดภัยในกองไฟ

ช่วงที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ครองราชย์อยู่ในกรุงบาบิโลน มีกลุ่มเพื่อนกลุ่มเล็กๆที่รอดชีวิตจากไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวของกษัตริย์ ชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโกปฏิเสธที่จะนมัสการรูปปฏิมากรที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์สร้างขึ้น พวกเขาทูลพระองค์ว่า “ถ้าพระจ้าของพวกข้าพระบาทผู้ซึ่งพวกข้าพระบาทปรนนิบัติ พอพระทัยจะช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากเตาที่ไฟลุกอยู่ ข้าแต่พระราชา พระองค์ก็จะทรงช่วยกู้พวกข้าพระบาท” (ดนล.3:17) ด้วยความเกรี้ยวกราดพระราชาสั่งให้เร่งเตาไฟให้ร้อนกว่าเดิมเจ็ดเท่า (ข้อ 19)

ทหารผู้รับคำสั่งของพระราชาและโยนพวกเขาเข้าในเตาไฟก็พลอยถูกเผาไปด้วย แต่กลุ่มผู้ชมกลับเห็นชัดรัค เมชาคและเอเบดเนโกเดินอยู่กลางไฟ “ปล่อยหลุด...และไม่เป็นอันตราย” ใครบางคนอยู่ในเตาไฟด้วย ชายคนที่สี่ดู “คล้ายคลึงกับองค์เทพบุตร” (ข้อ 25) นักวิชาการหลายคนเชื่อว่านี่คือพระลักษณะของพระเยซูก่อนการลงมาบังเกิด

พระเยซูทรงอยู่กับเราเมื่อเราเผชิญการข่มขู่และการทดลอง ในขณะที่เราถูกเร่งเร้าให้ยอมแพ้ต่อแรงกดดัน เราไม่ต้องหวาดกลัว เราอาจไม่รู้ว่าพระเจ้าจะช่วยเราเมื่อไรและอย่างไร แต่เรารู้ว่าพระองค์ทรงอยู่กับเรา พระองค์จะประทานกำลังให้เรายืนหยัดอย่างสัตย์ซื่อต่อพระองค์ในท่ามกลางทุก “กองไฟ” ที่เราต้องสู้ทน

เมื่อพระเจ้าตรัส

ลิลลี่ซึ่งเป็นนักแปลพระคัมภีร์กำลังกลับบ้านที่ประเทศของเธอโดยเครื่องบิน ขณะถูกกักตัวที่สนามบิน โทรศัพท์ของเธอถูกตรวจสอบ และเมื่อเจ้าหน้าที่พบสำเนาเสียงของพันธสัญญาใหม่ในนั้น พวกเขายึดโทรศัพท์และตั้งคำถามเธอนานสองชั่วโมง ณ จุดหนึ่งพวกเขาขอให้เธอเปิดแอพพระคัมภีร์ ซึ่งถูกตั้งไว้ที่มัทธิว 7:1-2 “อย่ากล่าวโทษเขา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงกล่าวโทษท่านอย่างนั้น และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น” เมื่อได้ยินพระคำในภาษาของพวกเขา เจ้าหน้าที่คนหนึ่งหน้าซีดเผือด จากนั้นเธอได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาใดๆ

เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในใจของเจ้าหน้าที่ที่สนามบิน แต่เรารู้ว่า “คำ...ที่ออกไปจากปากของเรา [พระเจ้า]” สัมฤทธิ์ผลตามที่พระองค์ทรงประสงค์ (อสย.55:11) อิสยาห์พยากรณ์พระคำแห่งความหวังนี้แก่ประชากรของพระเจ้าที่ถูกเนรเทศ ให้ความมั่นใจแก่พวกเขาว่า เช่นเดียวกับที่ฝนและหิมะทำให้แผ่นดินออกดอกและเติบโต สิ่งที่ “ออกไปจากปากของเรา [พระเจ้า]นั้น” จะสัมฤทธิ์ผลตามพระประสงค์ของพระองค์ (ข้อ 10-11)

เราสามารถอ่านพระคำตอนนี้เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในพระเจ้า เมื่อเราต้องเผชิญสถานการณ์ที่ตึงเครียด เช่นที่ลิลลี่เผชิญกับเจ้าหน้าที่สนามบิน ขอให้เราวางใจว่าพระเจ้าทรงกำลังกระทำกิจ แม้ว่าเราจะไม่เห็นผลลัพธ์สุดท้ายก็ตาม

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา